การปลูกผมด้วยวิธี FUE

FUE เป็นการปลูกผมวิธีหนึ่งที่ได้รับการพัฒนาจนเป็นที่นิยมเพราะผลลัพธ์ที่ดี และการพักฟื้นและดูแลหลังการปลูกไม่ยุ่งยากนั้นเอง โดยผู้ป่วยจำนวนมากเชื่อว่าการปลูกผมด้วยวิธีนี้จะสามารถให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและเกิดแผลเป็นน้อยมาก ซึ่งจะช่วยปิดบังม่ให้ผู้อื่นสังเกตเห็นว่าเคยผ่านการปลูกผม โดยในส่วนต่อไป เราจะกล่าวถึงความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายในการปลูกผม

FUE คืออะไร?

การปลูกผมถาวรแบบย้ายเซลล์รากผม (FUE) เป็นวิธีการปลูกผมแบบแผลเล็กเพราะมีการเจาะเซลล์รากผมออกมาทีละกอที่เรียกว่ากราฟต์ผมนั้นเอง เป็นวิธีที่คลินิกและศัลยแพทย์ทั่วโลกนิยมใช้เพื่อฟื้นฟูและแก้ปัญหาผมบางศีรษะล้าน โดยจะเจาะเอารากผมจากบริเวณ Donor Area ซึ่งมักเป็นบริเวณด้านหลังศีรษะของผู้ป่วย หรือเส้นขนจากส่วนอื่นของร่างกาย จากนั้นจึงนำเอากราฟต์ผมเหล่านั้นปลูกลงในบริเวณที่เป็นปัญหาเถิกล้านหรือผมบาง(Recipient Area)

ที่มาของการปลูกผมแบบ FUE

แม้ว่าการปลูกผมจะมีต้นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกในช่วงปีพ.ศ. 2443 แต่เทคนิค FUE สมัยใหม่เพิ่งจะได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงปีพ.ศ. 2533 โดยในช่วงแรก ผลลัพธ์ที่ได้ยังไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก (“Hair Plug”) และยังไม่ค่อยแพร่หลายในอเมริกาเหนือ จนกระทั่งปี 2545 ตั้งแต่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรก วิธีการนี้ก็ได้รับการพัฒนารวดเร็ว และเป็นเทคนิคที่ใช้กันอย่างแพร่หลายโดยศัลยแพทย์ปลูกผมในปัจจุบัน

FUE ได้รับการพัฒนามาจากวิธีการปลูกผมถาวรด้วยกอรากผมแบบผ่าตัด (FUT) เพื่อลดการเกิดแผลเป็น และให้การปลูกผมที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น และยังสามารถลดภาวะช็อกหรือรากผมกระทบกระเทือนลงได้ จึงมีอัตรารอดของเซลล์รากผมเพิ่มขึ้น

เพราะเหตุใดการปลูกผมด้วยวิธี FUE จึงให้ผลลัพธ์ที่ดี

ปัญหาผมร่วงผมบางในผู้ชายส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุพันธุกรรมและฮอร์โมนเป็นหลัก โดยผู้ชายเกือบ 80% จะได้รับผลกระทบจากปัญหาผมร่วงประเภทนี้ตั้งแต่อายุย่างเข้าสู้วัยรุ่น ซึ่งเกิดจากภาวะไวเกินต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (DHT) ที่ทำให้ผมร่วง โดยฮอร์โมนนี้จะจับกับรากผมและทำให้รากผมอ่อนแอลง

โดยการปลูกผมด้วยวิธี FUE เป็นการเจาะเอารากผมออกจากบริเวณที่มีความต้านทานต่อฮอร์โมน DHT เพื่อนำไปลูกในบริเวณที่เถิกล้านที่ด้านบนศีรษะ เช่น บริเวณแนวไรผมที่ถอยร่น หรือบริเวณกระหม่อม เมื่อนำไปปลูกแล้ว รากผมเหล่านี้จะสามารถเจริญเติบโตต่อไปในบริเวณที่เคยเถิกล้านได้ตลอดชีวิตของผู้ป่วยโดยไม่เกิดผลกระทบไดๆจาก ฮอร์โมน DHT เลย

จากการศึกษาต้นทุนค่าใช้จ่ายในการปลูกผม เราพบว่า การปลูกผมด้วยวิธี FUE มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าวิธี FUT เล็กน้อย เนื่องจากใช้เวลานานกว่ามาก ดังนั้น วิธีนี้จึงเป็นที่นิยมในประเทศที่มีค่าแรงต่ำ เช่น ไทย หรือ อินเดีย

ขั้นตอนการปลูกผมด้วยวิธี FUE

FUE เป็นวิธีการปลูกผมที่ประกอบด้วยหลายขั้นตอน และใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูง และในบางกรณี อาจต้องใช้เวลาหลายวันหากต้องใช้กราฟต์ผมจำนวนมาก โดยขั้นตอนมีดังนี้

  • โกนศีรษะของผู้ป่วย เพื่อให้ศัลยแพทย์สามารถนำกราฟต์ผมได้โดยง่าย โดยกอรากผมเหล่านี้จะประกอบด้วยรากผม 1-4 ราก
  • ใช้เข็มที่เล็กและกลวงในการเจาะสกัดเอากอรากผมเหล่านี้ โดยการขยับเข็มเป็นวงกลมเพื่อให้เกิดแผลขนาดเล็ก
  • จากนั้น ดึงกราฟต์ผมออกจากศีรษะโดยใช้ปากคีบ(forceps)ขนาดเล็ก ใส่ในน้ำยาปลอดเชื้อ แล้วเก็บรักษาไว้จนกว่าจะนำไปปลูกผม
  • ศัลยแพทย์จะเจาะรูเพื่อเป็นช่องในการฝังรากผมในบริเวณที่เถิกล้าน ซึ่งเรียกว่า Recipient Channel เพื่อใช้ในการปักกราฟต์ผมลงไปในรูนั้นๆ
  • จากนั้น ศัลยแพทย์จะใช้ปากคีบ(forceps)ชนิดพิเศษ ที่เอียงทำมุมเฉพาะสอดคล้องกับแนวไรผม เพื่อปักกราฟต์ผมลงในช่องดังกล่าว

       จากการศึกษาการปลูกผมในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก พบว่า การปลูกผมด้วยวิธี FUE เครื่องมือที่ใช้เจาะกราฟต์ผมที่ใช้กันมากที่สุดคือ FUE แบบมือถือและแบบใช้มอเตอร์ช่วย

การปลูกผมด้วยวิธี FUE และ FUT

การปลูกผมด้วยวิธี FUE และ FUT ประกอบด้วยการเจาะสกัด การเก็บรักษา และการปักหรือปลูกรากผม ทั้งสองวิธีนี้มีขั้นตอนการเก็บรักษาและการปักหรือปลูกรากผมที่เหมือนกัน แต่เทคนิคการเจาะเก็บรากผมนั้นแตกต่างกันมาก

ในการปลูกผมด้วยวิธี FUE จะมีการเจาะสกัดเก็บกอรากผม ในขณะที่วิธี FUT จะใช้การผ่าตัดเก็บแถบผิวหนังจากบริเวณ Donor Area จากนั้นจึงนำไปตัดแยกเป็นกอ เพื่อนำไปปักลงในช่องที่เจาะไว้ ซึ่งจะทำให้เกิดแผลเป็นขนาดเล็กและยาวที่ด้านหลังศีรษะ แม้ว่าแผลจะไม่ใหญ่ แต่ก็สามารถสังเกตเห็นได้หากตัดผมแบบโกนสั้น วิธีการนี้จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการปลูกผมแล้วจะไว้ผมสั้น เพราะจะทำให้เห็นรอยแผลเป็นได้ และ FUE เป็นเทคนิคที่นิยมใช้กันมากที่สุดในการปลูกหนวดเคราและคิ้ว อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การปลูกผมด้วยวิธี FUT นั้นจะสามารถปลูกกราฟต์ผมจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องโกนผม ซึ่งต่างจากวิธี FUE

ข้อดีและข้อเสีย

ข้อดี ข้อเสีย

การปลูกผมเหมาะกับใคร

การปลูกผมเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้านจากพันุกรรมเป็นบริเวณกว้าง หรือปัญหาผมร่วงในผู้ชาย ศัลยแพทย์จำเป็นต้องสามารถระบุระดับความรุนแรงของปัญหาผมร่วง รวมทั้งบริเวณที่มีความต้านทานต่อฮอร์โมน DHTเพื่อที่จะสามารถเจาะสกัดเอากราฟต์ผมบริเวณเหล่านั้นออกมาได้

เส้นผมบางประเภท เช่น ผมหยิก ผมหยักศก หรือผมที่ดกหนา จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากกว่าเส้นผมที่บางและตรง เนื่องจากผมหยิกหรือหยักศก จะทำให้ดูฟูหนามากกว่าผมบางและตรง นอกจากนี้ การปลูกผมในผู้ที่มีผมสีเข้มที่ตัดกับสีผิวจะทำได้ง่ายกว่าในผู้ที่มีสีผมใกล้เคียงกับสีผิว

FUE เป็นวิธีการปลูกผมที่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องใช้กราฟต์ผมจำนวนมาก และชอบไว้ผมสั้น ดังนั้น วิธี FUE จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงที่มีสนอร์วูดสเกล 1-4 และจะได้ผลดีในผู้ป่วยที่มีอายุมาก เมื่อเปรียบเทียบกับวิธี FUT เนื่องจากเป็นการผ่าตัดแบบแผลเล็ก และผู้ป่วยที่อายุมากจะฟื้นตัวจากการปลูกผมได้ยากกว่า

FUT เป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่ต้องใช้กราฟต์ผมจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบริเวณ donor area มีผมอยู่น้อย เนื่องจากจะไม่ทำให้ผมบริเวณ Donor Area ดูบางลงมากนัก ต่างจากวิธี FUE

 

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

  • ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ: การปลูกผมถือเป็นหัตถการผ่าตัดประเภทหนึ่งจึงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต่ำ เนื่องจากแผลเล็กและที่หนังศีรษะยังมีการไหลเวียนของเลือดสูง
  • ภาวะเลือดออก: อาจมีเลือดออกเล็กน้อยหลังการปลูกผม เนื่องจากมีการเจาะเปิดหนังศีรษะในหลายบริเวณ ซึ่งจะทำให้เลือดออก แต่ก็สามารถรักษาได้โดยง่ายโดยการกดด้วยผ้าก็อซ
  • อาการปวดที่แผลเป็น: หลังการปลูกผม ผู้ป่วยอาจรู้สึกปวดเป็นครั้งคราวที่บริเวณแผลเป็นที่เกิดจากขั้นตอนการเจาะสกัดและการปักกราฟต์
  • อาการบวม: อีกหนึ่งผลข้างเคียงที่อาจพบได้ก็คือ อาการบวมที่ศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบ ๆ บริเวณหน้าผากและดวงตา ซึ่งอาการบวมนี้จะหายไปภายในไม่กี่วัน
  • การเกิดสะเก็ดแผล: อาจเกิดสะเก็ดแผลขนาดเล็กในบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งจะหลุดร่อนออกหลังผ่านไป 2 สัปดาห์เป็นอย่างช้า
  • อาการคัน ตึง และชา: ผู้ป่วยอาจรู้สึกตึงและชาชั่วขณะ ทันทีหลังการผ่าตัด
  • การหลุดร่วงของเส้นผม: ในระหว่างการเก็บรากผม รากผมจะไม่มีเลือดหล่อเลี้ยง ซึ่งอาจทำให้ผมร่วงหลังการปลูกกราฟต์ผม แต่อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้น 1-6 สัปดาห์เท่านั้น และหลังจากนั้นผมจะงอกขึ้นจากรากผมอีกครั้ง
  • Shock loss: ผู้ป่วยบางรายมีภาวะผมร่วงในบริเวณที่อยู่ใกล้กับกราฟต์ผมที่ปลูก เนื่องจากการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ ซึ่งเรียกว่า Shock Loss แต่อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

การพัฒนาวิธี FUE เพิ่มเติม

ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นของวิธี FUE จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยที่วิธีการนี้ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถของวิธีนี้ ดังนั้น การพัฒนาทางเทคโนโลยีเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมปลูกผม

การพัฒนาวิธี FUE ที่สำคัญ ก็คือ วิธี Direct Hair Implementation (DHI) ซึ่งใช้ Implanter Pen แบบพิเศษในการปลูกรากผม จากนั้นจึงนำไปปลูกลงในหนังศีรษะโดยตรงโดยไม่จำเป็นต้องเจาะรูบนหนังศีรษะ ตามชื่อเรียก เทคนิคนี้มีอัตราการรอดสูงมาก เนื่องจากกราฟต์ผมถูกนำออกจากหนังศีรษะและเลือดที่หล่อเลี้ยงในระยะเวลาที่สั้นมาก

วิธี ARTAS เป็นอีกหนึ่งการพัฒนาวิธี FUE สำหรับการปลูกผม วิธีนี้ใช้หุ่นยนต์ ARTAS เพื่อสกัดเก็บและปลูกกราฟต์ผม ซึ่งเป็นความพยายามในการลดข้อผิดพลาดจากกระบวนการปลูกผม แต่อย่างไรก็ตาม วิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยส่วนน้อย เพราะไม่สามารถใช้กับผู้ที่มีผมหยิกหรือผมสีอ่อน เนื่องจากเครื่องจะไม่สามารถตรวจหารากผมได้   เนื่องจากเครื่องจักรที่ใช้นั้นมีราคาแพง จึงไม่ค่อยมีการนำไปใช้ในคลินิกปลูกผม

NeoGraft เป็นวิธีการปลูกผมแบบกึ่งอัตโนมัติ ที่พัฒนามาจากวิธี FUE และได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในอเมริกาเหนือ ในวิธีนี้จะใช้เครื่องมือชนิดพิเศษ ที่มีลักษณะคล้ายไม้กายสิทธิ์ เพื่อเจาะสกัดกราฟต์ผมโดยใช้แรงดูด แทนที่ศัลยแพทย์จะสกัดกราฟต์ด้วยตนเอง จึงสามารถลดเวลาในการเจาะสกัดกราฟต์และการบาดเจ็บของหนังศีรษะ ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการรอดของกราฟต์ผม

คำถามที่พบบ่อย

การปลูกผมด้วยวิธี FUE ให้ผลลัพธ์ที่ถาวรหรือไม่?

เมื่อทำการปลูกผมด้วยวิธี FUE อย่างถูกต้อง จะได้ผลลัพธ์ที่ถาวร เนื่องจากกราฟต์ผมถูกนำมาจากบริเวณที่มีความต้านทานต่อฮอร์โมน DHT ที่ทำให้เกิดผมร่วง จึงไม่เกิดการหลุดร่วงในภายหลังจากผลของ DHT

การปลูกผมด้วยวิธี FUE หรือ FUT วิธีใดดีกว่ากัน?

ไม่มีวิธีใดที่ดีกว่ากัน เพราะวิธีการที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของผมร่วงของผู้ป่วยแต่ละราย

ผมที่ปลูกจะบางลงหรือไม่?

กราฟต์ผมที่นำมาจากบริเวณ Donor Area นั้นมีความต้านทานต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งทำให้เกิดผมร่วง ซึ่งหมายความว่าผมเจะไม่หลุดร่วง และไม่บางลงจากฮอร์โมน แต่สามารถหลุดร่วงจากสาเหตุอื่นๆได้เหมือนผมปกติ

FUE มีอัตราความสำเร็จสูงเพียงใด?

อัตราความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับทักษะและประสบการณ์ของศัลยแพทย์ผู้ทำการปลูกผม ตลอดจนคุณสมบัติของผู้ป่วย   หากทำการปลูกผมอย่างถูกต้อง จะมีอัตราความสำเร็จอยู่ที่ 90% ขึ้นไป

การปลูกผมด้วยวิธี FUE ต้องใช้กราฟต์ผมมากเพียงใด?

จากทะเบียนสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ ปี 2020 พบว่า จำนวนกราต์โดยเฉลี่ยที่ต้องใช้ในการปลูกผมแต่ละครั้งคือ 2,083 กราฟต์

Dr. Suthida Arayametee

พญ. สุธิดา อารยเมธี

– แพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(Doctor of Medicine, Chiang Mai University)

– Grad.Dip.Clin.Sci.(Radiology), Chiang Mai University

– Diploma in Practical Dermatology, Cardiff University, UK

  • Certificate of completion: Fundamental of Platelet Rich Plasma (PRP) Therapy Training Course
  • Certificate of attendance: Implanter Workshop for Hair Transplantation, Faculty of Medicine Siriraj Hospital
  • Certificate of Completion: Medical Weight Management Specialist, School of Antiaging and Regenerative Medicine, Mae Fah Luang University
  • Certificate of attendance RELIFE Master Network Module 3 Advance Workshop for Thread Lifting (Definisse Free Floating)
  • Certificate of attendance Mid-Face Correction & Enhancement using thread, botulinum toxin, filler Workshop by No 1 Trainer
  • Certificate of attendance: RELIFE Master Network Module 2 Advance Workshop for thread Lifting (Definisse Double thread technique with 23-cm-thread)
  • Certificate of attendance: 9th ITCAM Hands-on Cadaveric Dissection of Toxin and Filler Injections and Thread Lift

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์

    ซึ่งเป็นคุกกี้ประเภทที่จดจำสิ่งที่ผู้ใช้บริการเลือกหรือตั้งค่าบนเว็บไซต์เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้ภาษา ฟ้อนต์และรูปแบบการนำเสนอ ข้อมูลต่าง ๆ ที่ตรงความต้องการเฉพาะบุคคลให้แก่ผู้ใช้บริการได้มากขึ้นตามการตั้งค่าที่เลือกไว้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า