การปลูกผมด้วยวิธี FUT

FUT เป็นวิธีการปลูกผมย้ายรากแบบดั้งเดิมที่ยังเป็นที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน วิธีการนี้เหมาะกับการปลูกผมที่ใช้กราฟต์ผมจำนวนมาก ใช้เวลาไม่มากนัก และค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการอื่น ๆ โดยในส่วนต่อไปของบทความนี้ เราจะกล่าวถึงค่าใช้จ่ายในการปลูกผมด้วยวิธีนี้ และข้อดีและข้อเสียของวิธี FUT และ FUE

FUT คืออะไร

วิธีการปลูกผมถาวรโดยการย้ายกอรากผม (graft) โดยการผ่าตัด หรือ Strip Method เป็นเทคนิคการปลูกผมที่คลินิกและศัลยแพทย์ทั่วโลกนิยมใช้ ในการปลูกผมด้วยวิธีการนี้จะมีการตัดแถบเนื้อเยื่อหนังศีรษะออกมาแล้วนำไปคัดแยกกราฟต์ผมออกจกแผ่นหนังศีรษะ และนำไปปลูกลงในบริเวณที่เถิกล้าน (Recipient Area) เพื่อแก้ปัญหาผมบางศีรษะล้าน-เถิก

ที่มาของการปลูกผมด้วยวิธี FUT

การปลูกผมด้วยวิธี FUT มีต้นกำเนิดในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ในช่วงปีพศ 2480 แต่อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย จนกระทั่งถึงช่วงปี 2540 เช่นเดียวกับวิธี FUE และได้กลายมาเป็น “วิธีการมาตรฐาน” ในการปลูกผมทั่วโลก

FUT เป็นวิธีการปลูกผมที่ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากกว่าวิธีการแบบเดิมมาก (Hair Plug ) เนื่องจากเป็นการปลูกรากผมหรือกอผมทีละกอ แทนการใช้กลุ่มผมจำนวนมาก จึงสามารถแก้ปัญหาแนวไรผมที่ไม่เป็นธรรมชาติและเป็นกระจุกที่พบในการปลูกผมแบบเก่า

อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาเรื่องการปลูกผมทั่วโลก เราพบว่า FUE เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่คลินิกปลูกผม:

วิธี FUT มีหลักการทำงานอย่างไร?

เมื่อเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นจนถึงอายุ 70ปี ผู้ชายเกือบ 80% จะได้รับผลกระทบจากปัญหาศีรษะล้านจากพันธุกรรม ซึ่งเกิดจากภาวะไวเกินต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (DHT) ที่ทำให้ผมร่วง โดยฮอร์โมนนี้จะจับกับรากผมและทำให้รากผมอ่อนแอ และหลุดร่วงในที่สุด

การปลูกผมด้วยวิธี FUT เริ่มจากการผ่าตัดแถบเนื้อเยื่อหนังศีรษะออกจากบริเวณ Donor Area ที่ด้านหลังของศีรษะ จากนั้นจึงตัดแยกออกเป็นกราฟต์ผม เพื่อนำไปปลูกลงในบริเวณที่เถิกล้านหรือผมบาง เพื่อรักษาปัญหาผมลบางศีรษะล้าน

ขั้นตอนการปลูกผมด้วยวิธี FUT

FUT เป็นวิธีการปลูกผมที่ใช้เวลาน้อยกว่าวิธี FUE เนื่องจากทำการนำกราฟต์ผมโดยการตัดแถบเนื้อเยื่อหนังศีรษะแทนที่จะสกัดเก็บรากผมทีละราก แต่มีขั้นตอนการปลูกและการเก็บรักษารากผมที่เหมือนกันกับวิธี FUE การปลูกผมด้วยวิธี FUT มีขั้นตอนดังนี้

  • ศัลยแพทย์จะเล็มผมที่บริเวณ donor area จากนั้นจึงตัดแถบเนื้อเยื่อหนังศีรษะที่มีเส้นผมอยู่ออกมา
  • จากนั้น ศัลยแพทย์จะตัดแยกแถบเนื้อเยื่อหนังศีรษะออกเป็นรากผม
  • เก็บรากผมไว้ในน้ำยาปลอดเชื้อ และแช่เย็นเก็บไว้จนกว่าจะทำการปลูกลงในบริเวณที่เถิกล้าน
  • จากนั้น ศัลยแพทย์จะเจาะช่องขนาดเล็ก ๆ ในบริเวณที่เถิกล้าน ซึ่งเรียกว่าช่องปลูกผมเพื่อให้กราฟต์ผมฝังตัวลงไปในรูเหล่านั้น
  • ใช้ปากคีบ(forceps)แบบพิเศษที่เอียงทำมุมเฉพาะ เพื่อปักกราฟต์ผมที่เตรียมไว้ลงในช่องดังกล่าว

การปลูกผมด้วยวิธี FUE และ FUT

การปลูกผมประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก คือ การเจาะการจัดเก็บ และการปลูกผม วิธีการปลูกผมทั้งหมดมีขั้นตอนการเก็บรักษาและการปักหรือปลูกรากผมที่เหมือนกัน แต่มีเทคนิคการเจาะเก็บรากผมที่แตกต่างกัน

ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น กราฟต์ผมในวิธี FUT นั้นได้มาจากการตัดแถบเนื้อเยื่อหนังศีรษะจากบริเวณ Donor Area ที่ด้านหลังศีรษะ จากนั้นจึงตัดแยกออกเป็นกราฟต์ผม เพื่อปลูกลงในช่องที่เจาะไว้ แต่ในวิธี FUE จะเจาะสกัดเก็บรากผมออกจาก Donor Area ทีละกราฟต์

การสกัดเก็บกราฟต์ผมด้วยวิธี FUT อาจใช้เวลาไม่มากเท่าวิธี FUE และมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า รวมทั้งยังคงความหนาแน่นของผมใน Donor Area และยังได้กกราฟต์ผมจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตามการปลูกผมด้วยวิธี FUE จะไม่ทำให้เหลือรอยแผลเป็นที่เห็นได้ชัดเจนในผู้ที่ชอบไว้ผมสั้น เมื่อเปรียบเทียบกับวิธี FUT

จากการศึกษาค่าใช้จ่ายในการปลูกผม เราพบว่าโดยทั่วไปแล้ว การปลูกผมด้วยวิธี FUT มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าวิธี FUE มากเนื่องจากใช้เวลาน้อยกว่า แต่ที่น่าสนใจก็คือ เราพบว่า FUT ไม่ใช่วิธีที่ใช้กันมากนักในประเทศที่มีค่าแรงต่ำ เช่น ไทย เม็กซิโก หรืออินเดีย

ข้อดีและข้อเสียของการปลูกผมด้วยวิธี FUT

ข้อดี ข้อเสีย

การปลูกผมด้วยวิธี FUTเหมาะกับใคร

การปลูกผมเหมาะกับผู้ป่วยที่มีอายุมาก เนื่องจากศัลแพทย์สามารถระบุได้ว่าปัญหาผมร่วงจะรุนแรงมากเพียงใดและสามารถเลือก Donor Area ที่เหมาะสมได้โดยง่าย โดยจำเป็นจะต้องเลือก Donor Area ที่มีความต้านทานต่อฮอร์โมน DHT เพื่อไม่ให้ผมหลุดร่วงในอนาคต นอกจากนี้ การปลูกผมเหมาะกับผู้ป่วยเพศชายที่มีปัญหาศีรษะล้านจากพันธุกรรมหรือ Androgenetic Alopecia แต่ไม่เหมาะกับผมร่วงที่เกิดจากปัญหาอื่น ๆ

บริเวณ Donor Area ควรมีขนาดใหญ่และมีผมหนาแน่น แต่ลักษณะของ Donor Area ไม่ใช่ปัญหานักในกรณีของการปลูกผมแบบ FUT เมื่อเปรียบเทียบกับวิธี FUE เนื่องจากแถบเนื้อเยื่อผิวหนังถูกตัดออก จะไม่ทำให้ผมที่บริเวณ Donor Area ดูบางลงจนสังเกตได้ ซึ่งต่างจากในวิธี FUE

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

การปลูกผมด้วยวิธี FUT มีผลข้างเคียงที่คล้ายคลึงกับวิธี FUE เป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงต่ำมาก โดยมีเพียงผลข้างเคียงที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้ ผลข้างเคียงโดยส่วนใหญ่จะหายไปภายในไม่กี่วัน โดยผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ในการปลูกผมด้วยวิธี FUT มีดังนี้

  • เลือดออก: อาจมีเลือดออกเล็กน้อยหลังการปลูกผมด้วยวิธี FUT ทั้งที่บริเวณที่ปลูกกราฟต์ผมและในบริเวณที่สกัดกราฟต์ผมออกมา ซึ่งสามารถรักษาได้โดยง่ายโดยการกดด้วยผ้าก๊อซ
  • อาการปวดที่แผลเป็น: แผลบาง ๆ ที่เหลืออยู่ที่บริเวณ Donor Area อาจทำให้เกิดอาการปวดผลังการผ่าตัดในผู้ป่วยบางคน แต่เมื่อแผลหายดีและตัดไหมออกแล้ว ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกปวดแผลอีกต่อไป
  • ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ: การผ่าตัดทุกประเภทล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เนื่องจากทำให้เกิดแผลเปิด แผลที่เกิดจากการปลูกผมด้วยวิธี FUT นั้นมีความเสี่ยงในการติดเชื้อต่ำมาก เนื่องจากที่หนังศีรษะมีการไหลเวียนเลือดสูง
  • อาการบวม: ผู้ป่วยอาจมีอาการบวมเล็กน้อยที่บริเวณดวงตาและหนังศีรษะเป็นเวลาหลายวันหลังการผ่าตัด แต่ไม่ได้ส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายตัวมากนัก
  • สะเก็ดแผล: อาจเกิดสะเก็ดแผลขนาดใหญ่และบางบนแผลที่เกิดจากการสกัดเก็บกราฟต์ผม แต่สะเก็ดแผลเหล่านี้จะหลุดร่อนหลังจากผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์
  • Shock loss: ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการผมร่วงในบริเวณที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่ปลูกผม ซึ่งเป็นผลมาจากการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ ภาวะนี้เรียกว่า Shock Loss ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
  • อาการคัน ตึง และชา: ผู้ป่วยอาจมีอาการคัน ตึง และชา หลังการผ่าตัด
  • ผมร่วง: แม้ว่ารากผมจะถูกเก็บรักษาไว้ในน้ำยาปลอดเชื้อ แต่เนื่องจากรากผมไม่มีเลือดหล่อเลี้ยง จึงอาจทำให้ผมหลุดร่วงหลังการปลูกผม แต่อาการนี้จะเกิดขึ้นเพียง 1-6 สัปดาห์ หลังจากนั้นผมจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง
การปลูกผมด้วยวิธี FUE หรือ FUT วิธีใดดีกว่ากัน?

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามักมีการทำการตลาดว่า FUE เป็นวิธีการปลูกผมขั้นสูงที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าแต่ละวิธีต่างก็มีข้อดีของมันเอง และขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผมร่วงและเป้าหมายของผู้ป่วยแต่ละคน

การปลูกผมด้วยวิธี FUT ทำให้รู้สึกเจ็บหรือไม่?

จะมีการฉีดยาชาที่หนังศีรษะก่อนการปลูกผม เพื่อป้องกันความเจ็บปวดระหว่างการทำหัตถการ โดยผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยจากเข็มฉีดยาชา และจะรู้สึกอาการปวดเล็กน้อยหลังการผ่าตัดในระหว่างที่แผลหาย แต่สามารถบรรเทาอาการเหล่านี้ได้โดยการรับประทานยาแก้ปวด

การปลูกผมด้วยวิธี FUT มีอัตราความสำเร็จมากเพียงใด?

อัตราความสำเร็จของ FUT ขึ้นอยู่กับทักษะและความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์ที่ทำการปลูกผม และหากทำการปลูกผมด้วยวิธีนี้อย่างถูกต้อง จะมีอัตราความสำเร็จถึง 90% ขึ้นไป

การนอนหลังปลูกผมด้วยวิธี FUT?

คุณควรนอนหงาย โดยให้คอและศีรษะอยู่สูง เพื่อลดการกดทับที่บริเวณที่ได้รับผลกระทบจากการปลูกผม การนอนคว่ำจะทำให้เกิดอาการบวมและกราฟต์ผมที่ปลูกไว้ได้รับความเสียหายมากขึ้น

คำถามที่พบบ่อย

Dr. Suthida Arayametee

พญ. สุธิดา อารยเมธี

– แพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(Doctor of Medicine, Chiang Mai University)

– Grad.Dip.Clin.Sci.(Radiology), Chiang Mai University

– Diploma in Practical Dermatology, Cardiff University, UK

  • Certificate of completion: Fundamental of Platelet Rich Plasma (PRP) Therapy Training Course
  • Certificate of attendance: Implanter Workshop for Hair Transplantation, Faculty of Medicine Siriraj Hospital
  • Certificate of Completion: Medical Weight Management Specialist, School of Antiaging and Regenerative Medicine, Mae Fah Luang University
  • Certificate of attendance RELIFE Master Network Module 3 Advance Workshop for Thread Lifting (Definisse Free Floating)
  • Certificate of attendance Mid-Face Correction & Enhancement using thread, botulinum toxin, filler Workshop by No 1 Trainer
  • Certificate of attendance: RELIFE Master Network Module 2 Advance Workshop for thread Lifting (Definisse Double thread technique with 23-cm-thread)
  • Certificate of attendance: 9th ITCAM Hands-on Cadaveric Dissection of Toxin and Filler Injections and Thread Lift

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์

    ซึ่งเป็นคุกกี้ประเภทที่จดจำสิ่งที่ผู้ใช้บริการเลือกหรือตั้งค่าบนเว็บไซต์เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้ภาษา ฟ้อนต์และรูปแบบการนำเสนอ ข้อมูลต่าง ๆ ที่ตรงความต้องการเฉพาะบุคคลให้แก่ผู้ใช้บริการได้มากขึ้นตามการตั้งค่าที่เลือกไว้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า